ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซด์เพื่อการศึกษา

จำนวนผู้ที่เข้าชม

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การสร้างและตกแต่งตัวอักษรจากโปรแกรม Adobe Photoshop

การสร้างและตกแต่งตัวอักษรจากโปรแกรม Adobe Photoshop

ขั้นตอนการทำ1. หลังจากเข้าโปรแกรม Adobe Photoshop ให้คลิกที่คำสั่ง File แล้วเลือก New... หรือกดคีย์ลัดบนคีย์บอร์ด Ctrl+N2. กำหนดขนาดพื้นที่การทำงานในช่อง Preset ตามต้องการ และกำหนดค่าอื่นๆ ตามที่ต้องการ เช่น ค่าในช่อง Color mode เลือกเป็น RGB Color (สำหรับงานที่แสดงออกทางจอภาพ) เป็นต้น3. ในการสร้างตัวอักษรให้คลิกเลือกเครื่องมือที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว T หรือกดปุ่ม T บนคีย์บอร์ด เครื่องมือนี้มีชื่อว่า Type tool ซึ่งมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่ 1. Horizontal type tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษรตามแนวนอน 2. Vertical type tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษรในแนวตั้ง 3. Horizontal type mask tool ใช้สร้างตัวอักษรโดยการเจาะรูปภาพมาใส่ข้างในตัวอักษรตามแนวนอน และ 4. Vertical type mask tool ใช้สร้างตัวอักษรเหมือนกับข้อ 3 แต่สร้างในแนวตั้ง

การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Horizontal type tool

1. เลือกเครื่องมือ Horizontal type tool แล้วคลิกบนตำแหน่งที่ต้องการสร้างตัวอักษร
2. พิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไป3. ที่ด้านล่างของ Menu bar จะมีแถบสำหรับการปรับแต่งตัวอักษรอยู่ เช่น การเปลี่ยนขนาด การเปลี่ยนฟอนต์ตัวอักษร เป็นต้น
4. เมื่อได้ข้อความตามต้องการแล้วให้คลิกที่เครื่องมือ Move tool หรือกดปุ่ม V บนคีย์บอร์ด
5. หากต้องการขยายขนาดข้อความให้คลิกที่คำสั่ง Edit แล้วเลือก Free transform หรือกด Ctrl+T บนคีย์บอร์ด เมื่อขยายหรือย่อเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด
6. เลือกคำสั่ง Layer > Layer style > Blending options เพื่อใส่ลูกเล่นต่างๆ ให้กับข้อความ หรือคลิก เมาส์ขวาบน Layer ของตัวอักษรที่เราสร้างขึ้นมาที่หน้าต่าง Layer ด้านขวามือแล้วเลือกคำสั่ง Blending options
7. จะปรากฏหน้าต่าง Layer style ขึ้นมา ทางด้านซ้ายมือจะมีชื่อลูกเล่นต่างๆ ดังนี้ 1. Drop shadow คือการใส่เงาให้ข้อความโดยเงาจะปรากฏด้านนอกตัวข้อความ 2. Inner shadow คือการใส่เงาให้กับข้อความแต่เงาจะปรากฏบนตัวอักษร 3. Outer glow การใส่แสงให้กับข้อความโดยแสงจะปรากฏด้านนอกตัวอักษร 4. Inner glow คือการใส่แสงด้านในตัวอักษร 5. Bevel and emboss การทำให้ตัวอักษรนูนขึ้นหรือยุบลงไป ทำให้เกิดมิติ 6. Satin คือการใส่สีเคลือบทับสีเดิมของตัวตักษร 7. Color overlay คือการใส่สีให้กับตัวอักษร 8. Gradient overlay คือการใส่สีแบบไล่เฉดสีให้กับตัวอักษร 9. Pattern overlay คือการใส่ลวดลายแบบพื้นผิวลงในตัวอักษร 10. Stroke คือการใส่สีที่ล้อมรอบด้านนอกตัวอักษร
8. เลือกใส่ลูกเล่นตามต้องการแล้วคลิก OK

การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Vertical type tool

(สามารถทำได้เหมือนกับเครื่องมือ Horizontal type tool แต่ข้อความจะเป็นแนวตั้ง)การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Horizontal type mask tool
1. เลือกคำสั่ง File แล้วเลือก Open เพื่อเลือกรูปภาพมาหนึ่งรูป
2. เลือกเครื่องมือ Horizontal type mask tool แล้วคลิกลงบนตำแหน่งที่ต้องการบนรูปภาพที่เลือกมา
3. พื้นที่การทำงานจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้ม ให้พิมพ์ข้อความลงไปตามต้องการ
4. เลือกที่เครื่องมือ Move tool ส่วนที่เราพิมพ์ข้อความจะเปลี่ยนเป็นเส้นประ
5. คลิกที่คำสั่ง File แล้วเลือก New
6. ใช้เครื่องมือ Move tool คลิกเมาส์ค้าง (drag mouse) บนพื้นที่เส้นประของข้อความแล้วลากไปวางที่พื้นที่ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ สังเกตรูปเมาส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย + แล้วปล่อยปุ่มเมาส์7. จะได้ข้อความที่ข้างในเป็นรูปภาพที่เราเลือกมา8. ตกแต่งใส่ลูกเล่นได้เหมือนกับการสร้างข้อความด้วยเครื่องมือ Horizontal type tool

การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Vertical type mask tool (สามารถทำได้เหมือนกับเครื่องมือ Horizontal type mask tool แต่ข้อความจะเป็นแนวตั้ง)

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2551

งาน Photo2007


วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษา( Photoshop2007 )
กด Ctrl T เพี่อทำการย่อ ขยายวัตถุนั้นๆ หรือกลับหน้าเป็นหลัง
กด Ctrl + เพื่อขยายกระดาษ
กด Ctrl - เพื่อลดขนาดกระดาษ
Auto select layer เมื่อมี layer มากๆ ไม่ต้องเสียเวลาหาอักษรแต่ละ layer

f - Drop Shadow = ตัวที่ทำหน้าที่สร้างเงาด้านหลัง
- Bevel and Emboss = ทำตัวอักษรนูน, บุ๋ม
- Stoke = เส้นขอบของตัวอักษร
- Gradient Overlay = เปลี่ยนสีตัวอักษรด้านใน

T คลิ๊กเพื่อเลือกแบบอักษรมี 4 แบบ หลังจากการทำทุกครั้งต้องกด Move tool เสมอ
...............................................................................................................

นางสาว บุษยมาศ คชเสน เลขที่ 33 ป. บันฑิต รุ่น 11

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

หน่วยที่ 1

1. ความหมายของการศึกษา
1.1 ความหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
“การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
1.2 ความหมายตามพจนานุกรม
“การศึกษา” หมายความว่า การเล่าเรียน การฝึกฝน และอบรม
1.3 ความหมายของนักวิชาการ
ยัง ยัคส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้ ว่า การศึกษา คือ การปรับปรุงคนให้เหมาะกับ โอกาสและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป หรืออาจกล่าวได้ว่า การศึกษา คือการนำความสามารถในตัวบุคคลมาใช้ให้เกิดประโยชน์
โจฮัน เฟรดเดอริค แฮร์บาร์ต (John Friedich Herbart) ให้ความหมายของ การศึกษา ว่า การศึกษา คือ การทำพลเมืองให้มีความประพฤติดี และมีอุปนิสัยที่ดีงาม
เฟรด ดเอริค เฟรอเบล (Friedrich Froebel) การศึกษา หมายถึง การพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กเพื่อให้เด็กพัฒนาตนเอง
จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้หลายความหมาย คือ
1. การศึกษา คือชีวิต ไม่ใช่เตรียมตัวเพื่อชีวิต
2. การศึกษา คือความเจริญงอกงาม
3. การศึกษา คือกระบวนการทางสังคม
4. การศึกษา คือการสร้างประสบการณ์แก่ชีวิต
คาร์เตอร์ วี. กู๊ด (Carter V. Good) ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้ 3 ความหมาย คือ
1. การศึกษา หมายถึง กระบวนการต่าง ๆ ที่บุคคลนำมาใช้ในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ เจตคติ ความประพฤติที่ดีมีคุณค่า และมีคุณธรรมเป็นที่ยอมรับนับถือของสังคม
2. การศึกษา เป็นกระบวนการทางสังคมที่ทำให้บุคคลได้รับความรู้ความสามารถจากสิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนจัดขึ้น
3. การศึกษา หมายถึง การถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้อย่างเป็นระเบียบให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษา
ม.ล.ปิ่น มาลากุล การศึกษาเป็นเครื่องหมายที่ทำให้เกิดความเจริญงอกงามในตัวบุคคล
ดร. สาโช บัวศรี การศึกษา หมายถึง การพัฒนาบุคคลและสังคมที่ทำให้คนได้มีการเรียนรู้ และพัฒนาขึ้นไปสู่ความเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
1.4 ความหมายตามความเข้าใจของเราเอง
“การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการส่งเสริมให้บุคคลเจริญเติบโตและมีความเจริญงอกงามทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาจนเป็นสมาชิกของสังคมที่มีคุณธรรมสูง
2. เทคโนโลยีแตกต่างจากนวัตกรรมอย่างไร
นวัตกรรมเป็นการวิจัยหาวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการใหม่ๆ หรือปรับปรุงของเก่าให้ได้สิ่งที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ส่วนเทคโนโลยี คือ การนำเอาวิธีทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินงานต่างๆ อย่างมีระบบ
3. ท่านมีแนวทางในการสร้างนวัตกรรมอย่างไร
ขั้นตอนในการสร้างนวัตกรรม
1.ตรวจสอบปัญหาที่แท้จริงคืออะไร และจะแก้อย่างไร
2. นำปัญหาที่พบมาวาดเป็นภาพ โดยลงข้อมูลที่สำคัญๆ ก่อนไปที่ละภาพ
3. นำภาพที่ได้มาวิเคราะห์ หาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร และจะแก้ไขได้อย่างไรวิเคราะห์ต่อไปว่าการแก้ไขนั้นๆ เรารู้อะไรบ้างและเราไม่รู้อะไร ทำอย่างไรจึงจะรู้ แล้วนำมากำหนดเป็นแผนภูมิ เช่นการสอนให้เด็กจำได้ เรารู้ว่าการท่องมากทำให้จำได้นานมีอะไรอีกที่เราไม่รู้

ข้อความรู้ที่เรารู้แล้ว
ข้อความรู้ที่เราต้องรู้อีก
ท่องมากครั้งจำได้นาน
การเรียนแบบใดจำได้นานเหมือนการท่อง
การจำที่ดีครั้งหนึ่งไม่เกินเจ็ดอย่าง
การฝึกให้เด็กจำข้อมูลเป็นก้อนทำอย่างไร

จากแผนภูมิจะเห็นว่าเราต้องหาข้อความรู้อะไรอีกเพื่อนำมาแก้ปัญหาของเรา เมื่อได้ข้อความรู้แล้วก็นำมาออกแบบในการแก้ปัญหา ทดลองแก้ ทำซ้ำจนแน่ใจว่าใช้ได้ผลดี และสรุปบันทึกการแก้ปัญหาของตามขั้นตอนการดำเนินการ
********************************************************************************
สรุปหน่วยที่ 1 ความหมายและความสำคัญของนวัตกรรมและสารสนเทศนวัตกรรม ตรงกับภาษาอังกฤษว่า INNOVATION หมายถึง การนำเอาความคิดหรือการกระทำใหม่ๆที่นำมาใช้ประโยชน์/ปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเทคโนโลยี ตรงกับภาษาละตินว่า TEXERE ภาษากรีกว่า Technologia คือการนำเอาอุปกรณ์และสิ่งประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้อย่างเป็นระบบเพื่อให้การดำเนินงานทางการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ